ยิ่งเศรษฐกิจซบเซา ยิ่งทำให้เด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์มากขึ้น (ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 25 สิงหาคม 2552 ปีที่ 9 ฉบับที่ 6844 ข่าวสดรายวัน) โดยมีเนื้อหารายงานข่าว
ยิ่งเศรษฐกิจซบเซา ยิ่งทำให้เด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์มากขึ้น เพราะเมื่อเงินในกระเป๋าน้อยลง ผู้ใหญ่ที่เคยจ่ายเงินเพื่อซื้อเพศสัมพันธ์ก็ลดรายจ่ายส่วนนี้ลงโดยแสวงหาเด็กและเยาวชนเพื่อมาเสพสุขทางเพศแทนเพราะราคาจ่ายน้อยกว่า
องค์การเพื่อยุติการค้าประเวณีเด็ก สื่อลามก อนาจารเด็ก และการค้าเด็กเพื่อวัตถุประสงค์ทางเพศ หรือ เอ็คแพท เปิดรายงาน "ปกป้องพวกเขาด้วยมือเราสถาน การณ์การค้าเด็ก เพื่อวัตถุประสงค์ทางเพศทั่วโลก" ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้เด็กและเยาวชน ที่ถูกค้าภายในประเทศของตนเองมีจำนวนมากขึ้น การค้ามนุษย์ในประเทศมักเกี่ยวข้องกับการย้ายเขตจากชนบทเข้าสู่เมือง หรือจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งโดยไม่ต้องมีเอกสารการเดินทาง
แนวโน้มของขุมทรัพย์ที่ตักตวงได้จากการค้าเด็กและเยาวชน ทั้งชายและหญิงในแวดวงการค้าประเวณี คาดว่าทำเงินได้ราว 27,800 ล้านดอลลาร์ หรือราว 945,200 ล้านบาทต่อปี ผลกำไรทั้งปีต่อผู้ถูกค้าแต่ละคนอาจสูงถึง 67,200 ดอลลาร์ หรือราว 2.28 ล้านบาท กระบวนการค้าประเวณีเด็กและเยาวชนมักเริ่มจากคนชาติเดียวกันหรือแม้แต่อยู่ในชุมชนเดียวกัน เช่น เพื่อนบ้านหรือสมาชิกในครอบครัว รวมถึงผู้ปลอมแปลงเอกสาร เจ้าหน้าที่คอร์รัปชั่น ผู้ที่ได้ผลประโยชน์จากการค้าทางเพศและธุรกิจท่องเที่ยว ประกอบกับปัจจัยเสี่ยงต่อการถูกค้ามนุษย์เพิ่มสูงขึ้น เช่น ความยากจน ด้อยการศึกษา ตกงานหรือไม่ได้รับการว่าจ้าง ครอบครัวที่ใช้ความรุนแรงหรือพ่อแม่ติดยาเสพติดหรือของมึนเมา หรือครอบครัวแตกแยก อีกทั้งสังคมและวัฒนธรรมก็มีส่วนทำให้เด็กและเยาวชนต้องเป็นแรงงานหรืออพยพไปทำงานถิ่นอื่นและกลายเป็นเหยื่อในกระบวนการค้ามนุษย์
การค้ามนุษย์กลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสาม และเป็นอุตสาหกรรมที่มีความผิดทางอาญาที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก สถิติที่เก็บบันทึกได้ ระบุว่า เด็ก 1.8 ล้านคนถูกแสวงหาประโยชน์ในธุรกิจการค้าประเวณีระดับโลก แต่ตัวเลขที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้ เนื่องจากการค้ามนุษย์เป็นธุรกิจใต้ดินซึ่งธุรกิจนี้กระจายอยู่ทุกมุมโลก และไม่ได้เกิดเฉพาะกับประเทศที่ยาก จนที่สุดเท่านั้น
ดร.นาจาท มะจิด มาลลา ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการค้าเด็ก การค้าประเวณีและสื่อลามกที่เกี่ยวกับเด็ก กล่าวในการเปิดตัวโครงการรณรงค์หยุดค้าเด็กและเยาวชนเพื่อแสวงหาประโยชน์ทางเพศระดับสากล ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ว่า ในแต่ละปีเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี หลายล้านคนถูกค้า ส่วนใหญ่เป็นการค้าเพื่อแสวงหาประโยชน์ทางเพศ จากการประมาณการขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) เกี่ยวกับแรงงานเด็กพบว่าเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ราว 1.2 ล้านคน ส่วนใหญ่ถูกค้าเพื่อวัตถุประสงค์ทางเพศ
ในปี 2552 รายงานระดับโลกเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม (ยูเอ็นโอดีซี) ระบุว่าการค้ามนุษย์เพื่อแสวงหาประโยชน์ทางเพศมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 79 ของการค้ามนุษย์ในทุกรูปแบบรวมกัน โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงมักเสี่ยงต่อการถูกทารุณกรรมทางเพศและถูกบังคับให้ค้าประเวณีมากขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์หรือวัยสาว
คาร์เม็น มาดรินาน ผู้อำนวยการเอ็คแพท อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่าสัดส่วนของเด็กที่ได้รับผลกระทบจากการค้ามนุษย์เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 15 เป็นร้อยละ 22 ในช่วงปีพ.ศ.2546-2550 รายงานที่จัดทำโดยแชร์ โฮป อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนของอเมริกาเหนือระบุว่าในอเมริกามีเด็กประมาณ 1 แสนคนต่อปีที่เป็นเหยื่อค้าประเวณี ส่วนใหญ่ถูกค้าในประเทศเพื่อวัตถุประสงค์ทางเพศ
ส่วนประเทศไทย สุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการเดอะ บอดี้ ช็อป ประเทศไทย กล่าวว่า ไทยเป็นทั้งศูนย์กลางการค้ามนุษย์เพื่อแสวงหาประโยชน์ทางเพศบริเวณแนวชายแดนเลียบแม่น้ำโขง มีเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีจำนวนมากที่ถูกล่อลวงเข้าสู่วงจรค้ามนุษย์ในประเทศ หรือข้ามแดนไปต่างประเทศด้วย ยิ่งกว่านั้น ไทยเป็นทั้งต้นทาง ทางผ่าน และปลายทาง ที่มีการค้าเด็กในประเทศด้วย จึงเป็นเหตุผลหลักในการเปิดตัวโครงการรณรงค์ระดับสากล เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนกว่าล้านคนจากทั่วโลกที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์โดยความร่วมมือระหว่างเอ็คแพท และเดอะ บอดี้ ช็อป ซึ่งจะใช้เครือข่ายร้านค้ากว่า 2,500 ร้าน รณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับปัญหาการค้าเด็กและแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็ก
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment